Home       Webboard       MTB.links       Activities       News

 

ทริปมหัศจรรย์ แพแคนู-คลองมะเดื่อ

      ตามข้อมูลที่ได้มาจากแผนที่คร่าวๆ ทางinternet ที่เพื่อนๆในกลุ่ม thaimtb ได้สำรวจมา   ทันทีที่ทุกคนในกลุ่มนัดหมายกันได้ครบทีมการเดินทางทริปสั้นๆแต่เป็นอภิมหาทริปจึงเริ่มขึ้น

         เช้าตรู่(ค่อนข้างมืด)วันอาทิตย์ ที่ 24 ตุลาคม  ทุกคนออกเดินทางจากบ้านใครบ้านมัน โดยรถใครรถมันอีกเช่นกัน   เจอกันที่จุดนัดหมายแรก แน่นอนต้องเป็นจุดที่พวกเราทุกคนคุ้นเคยจึงนัดกันที่หน้าสนามกอล์ฟธัญญธานี ลำลูกกาคลองห้า  เมื่อเข้าใกล้จุดนัดเสียงเรียกโหวกเหวกทางวิทยุสื่อสารชัดเจนขึ้นทุกที จนมากันครบทุกคันเอาเมื่อ06.15.

          รวมพลนักปั่นได้ 9 คนบวกด้วยอีก2สาวนักปั่นที่สมัครใจเป็นฝ่าย service ในทริปนี้  เปิดเกมกันก่อนด้วยข้าวเหนียวหมูทอดกระเทียม พร้อมทั้งพูดคุยโปรแกรมคร่าวๆกันก่อน จน 6.30. 11คนบนรถ6คันก็เริ่มตั้งขบวนขับตามกันไปโดยเราวกกลับมาเข้าเส้นทางรังสิต-องครักษ์ แถวๆคลอง7 จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่นครนายกแบบสบายๆ  ประเดี๋ยวเดียวเราก็มาเดินปร๋อกันในตัวเมืองนครนายก แวะกินข้าวเช้าและจัดหาเสบียงกันก่อน  จากนั้นจึงออกเดินทางต่อ

           คราวนี้เรามุ่งหน้าไปทางนางรองขบวนเริ่มทิ้งช่วงห่างๆหน่อยแต่ไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะทุกคันรู้เส้นทางแล้วและทุกคันมีวิทยุติดต่อกันได้หลายสิบกิโลฯ   บนเส้นทางที่เราผ่านมาปรากฏว่าพบนักปั่นหลายกลุ่มมากแต่ส่วนมากจะแยกไปทาง ถ.สุวรรณศร ที่มุ่งหน้าไปทางปราจีนฯและเขาใหญ่ซะเป็นส่วนมาก  มีที่ไปทางเดียวกับพวกเราแค่กลุ่มสองกลุ่ม

           เราขับไปคุยไปจนเห็นป้ายทางเข้าแพแคนูแคมป์รีสอร์ทโดดเด่นอยู่ทางขวามือบนป้ายมีmtb.ตั้งอยู่เป็นจุดสังเกตุที่ชัดเจนสะดุดตามาก  แถมปากทางยังเรียงรายไปด้วยแผงขายอาหาร-เครื่องดื่มและของฝากยาวเหยียด  ขบวนเราเลี้ยวขวาเข้ามาไม่ไกลนักโดยมีป้ายบอกทางอย่างชัดเจนของทางแพฯ นำทางเข้ามาได้โดยละม่อม  เข้ามาถึงก็เห็นลานจอดรถกว้างขวางสะอาดและเขียวขจี

           พวกเราไม่เคยเข้ามาที่นี่เลยลังเลกันอยู่ว่าจะจอดที่นี่ดีมั๊ย  สุดท้ายก็สรุปว่าดีจัดแจงปูเสื่อจัดเตรียมสถานที่กันนิดหน่อย พวกนักปั่นทั้ง9ก็ก้มหน้าก้มตาประกอบรถ,ปรับแต่ง,สูบลม กันวุ่นไปหมด จนเกือบ10.30 จึงได้ฤกษ์ปั่น  ออกจากแพแคนูกิโลกว่าๆ เลี้ยวขวาเข้าถนนใหญ่นิดนึง ก็เจอทางเลี้ยวซ้ายเป็นลูกรังทีไม่ค่อยจะเรียบ  ช่วงแรกทางกว้างดีเข้าไปซักกิโลกว่าเจอทางแยกที่ไม่ได้ระบุไในแผนที่  เลยต้องใช้เทคนิคการคาดเดา และเราก็เดาถูกการเดินทางที่เริ่มลังเลกลับมาสนุกอีกครั้ง เมื่อเราเจอ single track ช่วงแรก

           และแล้วเมื่อถึงอีกทางแยกความหลงก็มาเยือน คราวนี้เราไม่ได้เดาเพราะมีเด็กชาวบ้านแถวนั้นเดินมาให้เราถามเมื่อถามแล้วเด็กบอกว่าไปได้ทั้งสองทางเราเลยลุยต่อ  คราวนี้เจอของจริง จะเรียกว่าsingle track ก็ยังกระดากปากลำบากใจ เพราะที่จริงมันคือป่าหญ้าคาหญ้าขนที่สูงท่วมหัวบนพื้นก็แทบไม่เห็นรอยทางดิน  คือว่ามันเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านเขาเดินลัดเข้าไร่กัน  เรางมอยู่ในป่าหญ้าวกไปวนมาซักพัก ก็โผล่มาเจอทางลูกรังเส้นเดิม

          ปั่นย้อนกลับมาที่แยกเดิมแล้วลองไปอีกทางที่เมื่อกี้ไม่ได้เลือก   คราวนี้ถูกเรามากันซักครู่ ก็พบถนนราดยางสภาพเก่าๆ เลี้ยวขวาเข้าทางราดยางมาเจอเนินย่อมๆมาวัดใจอยู่หลายเนินจนเริ่มเหนื่อย  สุดทางราดยางเริ่มเข้าทางลูกรังอีกครั้ง  มีลำธาร,แอ่งน้ำเล็กๆให้ข้ามเป็นระยะ  เส้นทางเริ่มโหดขึ้นเป็นลำดับ จากทางลูกรังหยาบๆ เข้าสู่ทางที่เป็นหินลอยก้อนโตๆ เหมือนขี่ตามทางน้ำไหล ที่บางช่วงก็ยังมีน้ำไหลอยู่

          ตอนนี้เหนื่อยสุดๆข้างล่างสู้กับหินข้างบนต้องสู้กับลมที่พัดผ่านชองเขามาอย่างแรงตลอดเวลา แถมทางยังพาเราขึ้นเนินอยู่เรื่อยบับว่าสาหัสมาก  เราโขยกเขยกกันมาอีกสักครู่ ก็ประสบความสำเร็จ  ถึงแล้ววววว…คลองหนึ่งตามลายแทง เป็นธารน้ำที่สวยสะอาดมาก  น้ำค่อนข้างแรงแต่ไม่ลึกช่วงลึกสุดแค่เอวเท่านั้นเราแวะพักผ่อนล้างหน้าล้างตากันจนชุ่มฉ่ำ นั่งพักขาอีกแป็บนึงก็ออกเดินทางกันต่อ

          จากข้อมูลในแผนที่ฉบับย่อ(ท้อ)ถ้าเราข้ามคลองหนึ่งไปเราจะพบคลองสอง-สามแล้วก็จบเห่กันตรงนั้นพวกเราก็เลยยืนลังเลกันอยู่และแล้วก็ตัดสินใจเมื่อความบ้ามาเยือน ไปต่อ!!! ยกรถข้ามลำธารคลองหนึ่งมาได้ และไม่ผิหวังจริงๆเส้นทางช่วงคลองหนึ่ง-คลองสาม สวยมากแม้ว่าระหว่างทางช่วงสั้นๆนี้เราจะต้องยกรถข้ามน้ำกันบ่อยหน่อยแต่คุ้มเกินคุ้ม บรรยากาศโมแลนติคม๊าก..มาก จนคิดว่าเดี๋ยววันหลัง(จากวันนี้)จะต้องกลับมาตั้งแค้มป์ซักคืนสองคืน

          เมื่อไปกันจนสุดทางและเจอความงามแบบสุดยอดแล้ว ประกอบกับความหิวเราจึงบ่ายหน้ากลับมาทางเดิมแต่ตอนขากลับนี่ขี่สนุกมากอาจเป็นเพราะความเหนื่อยมันสุดๆของมันแล้ว และทางส่วนใหญ่ก็เป็นทางลงที่ช่วยได้มากที่สุดคือแรงลมเพราะขากลับเราขี่ตามลม ที่ตอนขามาเล่นบทผู้ร้ายทำเอาย่ำแย่ไปตามๆกัน   แต่ความโหดของเส้นทางยังไร้ปราณีเหมือนเดิม 

          หินก้อนโตๆบวกกับเป็นทางลงเนินหลายช่วง สร้างความกระทบกระเทือนจนแทบกระอักไม่รู้ว่ารถมันทนได้ยังไคนที่ขี่fullsusท่าทางจะสบายกว่าhardtailเยอะเลยสำหรับสภาพทางแบบนี้  เราปั่นกันค่อนข้างเร็วเดี๋ยวเดียวก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆซึ่งถนนราดยางเก่าๆพาเรามาสุดที่นี่  แวะอุดหนุนร้านค้าและสร้างความคุ้นเคยกับชาวบ้านซะหน่อย  ตรงนี้อาจจะดูเล็กน้อยแต่สำคัญ  แวะทักทายกันหน่อยดีกว่ายกโขยงกันขี่ผ่านไป-มาเฉยๆ  เพราะบางช่วงของเส้นทางดูเหมือนเราจะขี่กันเข้าไปในเขตไร่หรือที่ส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของไร่มักจะอยู่ในหมู่บ้าน   แล้วคราวหน้าลองไปใหม่มักจะได้รับการต้อนรับอย่างดี

         เราใช้เวลากับการมวลชนสัมพันธ์ประมาณ10นาที แล้วเริ่มปั่นเก็บระยะทางที่เหลือ เป็นถนนราดยางขึ้น-ลงเนินมาเรื่อยๆคนที่แรงยังเหลือก็เอาออกมาอัดแข่งกันจนหมด  และแล้วเราก็ออกมาถึงทางหลวง  ขี่ตัดข้มมาอีกฟากแล้วเล้ยวเข้าแพแคนูอย่างสบาย        รวมเวลาทั้งหมดแล้ว2ชั่วโมงกว่าๆ  เวลาที่ปั่นกันจริงก็ราวๆ1ชั่วโมง45นาที  สองสาวทีมserviceเตรียมอาหาร-เครื่องดื่มเอาไว้ให้เพียบ  พวกเราหิวกันทุกคนเลยสนองศรัทธากันเพียบเหมือนกัน

         เมื่ออิ่มกันแล้วเวลาก็ยังเหลือ เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆเอง เลยตกลงกันว่าจะขับรถยนต์เข้าไปปิคนิคกันต่อตรงลำธารคลองหนึ่งงงง….ที่เราเพิ่งจะกลับออกมา เออ..เอาก็เอาวะสองสาวนักปั่นจะได้มีโอกาสเข้ามาเที่ยวกะเขามั่ง  จัดแจงตุนเสบียงที่พร่องไปบ้างให้เต็มดังเดิม ขบวนรถโฟร์วีล4คันจึงเริ่มออกเดินทางย้อนรอยจักรยาน  ส่วนอีก2คันเป็นรถเก๋งต้องจอดไว้ที่แพแคนูก่อน

         ลองเข้ามาเส้นทางเดิมแต่ต่างพาหนะ มันคนละอารมณ์กันเลย ถึงตอนนี้แล้วไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้คนถึงหันมาเล่นเจ้าmtb.กันมากมายรวดเร็วขนาดนี้  บางคนยังถึงกับลุ่มหลง    ออฟโรด4คันโขยกเขยกมาตามทางสักพักก็ถึงริมลำธารคลองหนึ่ง  จอดรถกันหมดแล้วยังเหลือพื้นที่ให้ปูเสื่อ,ผูกเปล,เดินยืดเส้นยืดสายกันอย่างสบาย บางคนก็ลงไปแช่น้ำในลำธาร กินกันไปคุยกันไปวิเคราะห์ทบทวนทริปที่เพิ่งจบลงสดๆร้อนๆกันอย่างได้รสชาดเพราะเป็นเหตุการณ์สด

       จนได้เวลาเย็นย่ำเราจึงอำลาจากที่นั่นออกมาด้วยความเสียดายทั้งที่อยากจะตั้งแคมป์อยู่ซักคืนแต่ก็ต้องกลับกันตามโปรแกรมโดยกลับมาเอารถเก๋ง2คันที่แพแคนูก่อน  พอออกเดินทางฝนก็เริ่มโปรยปรายและตกหนักขึ้นเรื่อยจนเข้าตัวเมืองนครนายกเราแวะหาอาหารเย็นกินกันอีกมื้อเป็นการร่ำลาทริปมหัศจรรย์วันนี้ลงอย่างสมบูรณ์

        ความมหัศจรรย์ที่ว่าล้วนแต่เป็นเหตุบังเอิญหรือดวงดีก็สุดจะเดา  เราเดินทางกันอย่างเอ้อระเหยลอยชายไม่รีบเร่งโดยไม่รู้เลยว่าเส้นทางที่จะขี่กี่กิโล ไม่มีคนนำทาง ไม่มีการเตรียมอาหารกลางวันติดตัวไปนอกจากน้ำดื่มคนละกระติก ไม่มีรถservice ไม่มีอะไหล่และอุปกรณ์ปะยางและที่สูบลม  ทั้ง9คันมีแต่รถกับแรง(ที่บางคนก็มีน้อย)และความไม่รู้ แต่ทุกคันรอดมาได้หมดทั้งที่ดูจากสภาพเส้นทางน่าจะมียางแตกหรืออะไหล่เสียหายกันมั่ง

          อีกอย่างคือวันนี้ทั้งวันท้องฟ้ามืดครื้มลมแรงฝนตั้งเค้ามาทุกทิศทุกทาง แต่เราก็รอดมาได้โดยฝนไม่ตกให้ลำบากไปกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ไม่มีแสงแดดเลยถือว่าโชคดีจริงๆ และก็อย่างที่บอกตอนแรกว่าพอเริ่มเดินทางกลับฝนก็เทกระหน่ำทันทีเหมือนกัน   จากความโชคดีคราวนี้ทำให้พวกเราซึ่งถือได้ว่ายังเป็นมือใหม่เก็บมาเป็นประสบการณ์ได้เยอะในเรื่องของการเตรียมตัวเมื่อจะต้องไปขี่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย และการขี่แบบกึ่งสำรวจเส้นทาง

     คงจะเป็นทริปแห่งความทรงจำที่น่าประทับใจแบบหินๆอีกครั้งสำหรับเราและไม่ลืมที่จะต้องขอขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของแพแคนูแคมป์รีสอร์ทที่ให้อาศัยจอดรถและตั้งกองเสบียงอย่างสุขสบายแถมยังมีก๊อกน้ำต่อท่อบริการอย่างดีประทับใจมากโอกาสหน้าจะแวะไปอุดหนุนแน่นอนเพราะสถานทีสวยมาก    ขอบคุณอีกครั้งสำหรับแผนที่และข้อมูลเส้นทางจากกลุ่มthaimtb

 

กลับหน้าแรก