ท่องเที่ยวทั่วไทย กำไรชีวิต

Home
กลับหน้าแรก
แคมป์คาร์
อุปกรณ์แคมปิ้ง
webboard
 
 ไปมาแล้วครับ ทุ่งทานตะวัน

         เดี๋ยวจะหาว่าเป็นบุคคลยอดเชยประจำพอศอนี้เลยต้องรีบไปซะก่อนหลังจากได้ข่าวจากเพื่อนๆว่ากำลังจะเริ่มโรยรากันไปเยอะแล้ว  และก็ได้ข่าวมาอีกเหมือนกันว่า วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นักท่องเที่ยวจะแน่นขนัดมากมายจนเกินสนุก  โดยเฉพาะถ้าจะไปถ่ายภาพด้วยแล้ว มักจะได้ของแถมมาในภาพคือ จะเห็นหัวหรือบางทีทั้งตัวผลุบๆโผล่ๆอยู่กระจัดกระจายเต็มทุ่งเชียวละครับ 

        เมื่อได้ข้อมูลมาอย่างนี้ผมก็เลยตัดสินใจ ไปมันวันธรรมด๊า ธรรมดาดีกว่า ว่าแล้วก็เริ่มวางแผนโดดงานได้ฤกษ์งามยามปลอดเอาเมื่วันพุธที่ 22 ธค. ที่ผ่านมา เวลาน้อยอย่างนี้ต้องขับรถไปเอง หลังจากส่งลูกเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้วก็บ่ายหน้าออกจากกรุงเทพฯทันที มาถึงรังสิตราวๆ7โมงถนนค่อนข้างโล่งดีครับเลยทำเวลาได้ดีหน่อย  ผมใช้เส้นทางจากตัวเมืองสระบุรีไปทางลพบุรีจนมาถึงแยกพุแค เลี้ยวขวาที่มีป้ายบอกทางไปจ.เพชรบูรณ์และอ.พัฒนานิคมนั่นละครับ  เลี้ยวมาได้ไม่นานก็เริ่มพบทุ่งทานตะวันเล็กๆเป็นระยะๆมาเรื่อย ขับมาอีกหน่อยพบทางแยกขวามือมีป้ายใหญ่เบ้อเร่อบอกว่า"ทางลัดไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" ลองดูๆแล้วเห็นว่าถนนดีพอควรเลยเลี้ยวขวาตรงนี้

           ไม่ผิดหวังครับ เลี้ยวเข้ามาได้หน่อยเดียวก็พบทุ่งทานตะวันที่ขนาดค่อนข้างกว้างใหญ่  ดอกยังสดและโตสวยมากแถมทุ่งนี้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะทำให้ถ่ายภาพออกมาแล้วจะดูดีกว่าทุ่งที่เป็นที่ราบ  พอเปิดประตูรถลงมาเท่านั้นแหละ โอ้โห..ลมแรงมากและหนาวมาก  ยืนนิ่งๆเพื่อปรับตัวซักพักคนดูแลไร่ก็เชิญชวนให้ชมได้ตามสบายแถมให้ยืมโต๊ะ,เก้าอี้ มาต่อให้ถ่ายภาพอีก  แสงแดดอ่อนๆช่วง8โมงกว่าๆกำลังสวย แต่ลมแรงมากต้องคอยหาจังหวะที่ลมสงบช่วงสั้นๆเป็นจังหวะกดชัตเตอร์  ใช้เวลาอยู่กับทุ่งนี้ถึง9โมงจึงออกเดินทางต่อ

           ตลอดสองข้างทางมีแต่ทานตะวันทั้งนั้นครับ บางทุ่งก็กำลังสวย บางทุ่งยังเล็กและบานไม่เต็มที่แต่ก็มีไม่น้อยที่เหี่ยวเฉาหมดแล้วสรุปว่าถ้าใครคิดจะไปเที่ยวชมตอนนี้น่าจะยังทันและมีให้ดูอีกเยอะคาดว่าไม่เกิน15 มค. 43 นี่หมดแน่ๆไม่ต้องไปแล้วครับ แต่ก็ได้ข่าวจากคนแถวนั้นมานะครับว่าทางจังหวัดเริ่มส่งเสริมให้ชาวไร่ทานตะวัน ปลูกพันธ์ที่ออกดอกตลอดปีหลังจากเก็บผลผลิตจากพันธุ์ที่ปลูกเพื่อส่งทำนํ้ามันแล้ว  แทนที่จะไปปลูกพืชไร่อย่างอื่นก็หันมาปลูกทานตะวันเพื่อการท่องเที่ยวที่ออกดอกได้ทั้งป(ีแต่นำไปใช้ทำนํ้ามันได้ไม่ดี) โดยเฉพาะไร่ที่มีพื้นทีภูมิทัศน์สวยงามและติดถนนสายหลักๆมีแนวโน้มว่าจะเข้าร่วมโครงการกันแยะเชียวครับ

           ก็ดีเหมือนกันนะครับจะได้มีโอกาสได้ดูกันตลอดปีเป็นการสร้างรายได้แบบการเกษตรเพื่อการท่องเที่ยวอย่างที่ฮอลแลนด์และนิวซีแลนด์ไงล่ะครับแค่ของเราจะน่ากลัวกว่าอยู่หน่อยก็ตรงที่เวลาหน้าร้อนนี่ละครับ แถวนี้ออกจะดูแห้งแล้งหน่อยแถมนํ้าตกแถวมวกเหล็กก็ไม่ค่อยจะมีนํ้า  รายได้ของชาวไร่ที่หันมาทำมาค้าขายกับนักท่องเที่ยวอาจจะน้อยกว่าที่คิดเอาไว้หรือไม่ จะคุ้มกับสภาพดินที่ควรจะได้พักเพื่อรอการปลูกพืชหมุนเวียนที่เกิดประโยชน์กับการปลูกทานตะวันในฤดูหน้าหรือไม่  คงต้องลองกันดูครับในเมื่อมันมีดีมีเสียไปคนละอย่างแบบนี้

          อีกอย่างที่น่ากลัวมากคือนโยบายของภาครัฐที่มักจะมองเรื่องของเอกชน(ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน)เป็นเรื่องเล็กน้อยไปซะหมด แต่ในความคิดของผมว่าน่าลองดูซักปีสองปีนะครับถ้าไม่เวอร์คก็กลับไปตามวิถีเดิมคือให้มีเทศกาลเที่ยวทุ่งทานตะวันกันปีละครั้งเดียวเหมือนเดิมก็ดูจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดคุณค่าได้ดีทีเดียว ทำนองเดียวกับทุ่งบัวตองที่แม่ฮ่องสอนไง

             เฮ้อ...เที่ยวต่อดีกว่านะครับที่นอกเรื่องไปมั่งก็เพราะคิดว่าเป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจและผมเองก็เพิ่งรู้มาเหมือนกันน่ะครับ เอาเป็นว่าระหว่างทางผมก็แวะไปเรื่อยละครับทุ่งไหนสวยทำเลเหมาะก็แวะถ่ายภาพกันซะหน่อย  จนมาถึงช่วงท้ายๆกอ่นจะถึงเขื่อนป่าสักฯนี่ก็ยังมีอีกหลายทุ่งและผู้คนก็เยอะกว่าที่ผ่านมา มีบรรดาพ่อค้าแม่ขายมาจับจองพื้นที่ขายของกันแต่เช้า บางทุ่งก็เก็บสตางค์คนที่จะเข้าไปเดินเที่ยวในไร่คนละ2บาท ไม่เป็นไรครับไม่ว่ากันอยู่แล้ว  

                แต่พอยิ่งสายผู้คนยิ่งมากนี่ขนาดวันธรรมดานะเนี่ยะ พอมาถึงเขื่อนป่าสักฯยิ่งแล้วใหญ่โอ้โห..ลานจอดรถขนาดใหญ่เต็มแน่นขนัด มองไปบนสันเขื่อนผู้คนมากมายจริงๆ นี่ถ้าขืนมาวันหยุดละก็สงสัยจะแย่เหมือนกัน  เอ้า.. ไหนๆมาถึงแล้วก็เดินเที่ยวซะหน่อย วันนี้ลมแรงและอากาศหนาวมาก ดูๆแล้วก็ยอมรับครับว่าสวยและบรรยากาศดีมาก  น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีอนาคตสดใสมากเชียวละครับ

               หลังจากเดินเตร็ดเตร่อยู่ซักพักผมก็ขับรถกลับ